สูตรอาหาร การถนอมอาหาร - siamfood’s diary - レシピ

รวมสูตรอาหาร เมนูอาหาร อาหารไทยง่ายๆ สำหรับคนรักการทำอาหาร อาหารคลีน อาหารลดน้ําหนัก ก๋วยเตี๋ยว รวมถึง สูตรขนมไทย เค้ก เบเกอรี่

หาทำ สูตรชีสเค้กหน้าไหม้ใน หม้อทอดไร้น้ำมัน

ชีสเค้กหน้าไหม้ หม้อทอดไร้น้ำมัน 

f:id:siamfood:20210922155302j:plain

ชีสเค้กหน้าไหม้ หม้อทอดไร้น้ำมัน

ใครไม่มีเตาอบต้องลองทำชีสเค้กหน้าไหม้สูตรนี้ หยอดใส่พิมพ์ทรงกลมแล้วเอาไปอบด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน เอาไปแช่เย็นเพิ่มความอร่อย และที่สำคัญแอบเพื่อสุขภาพด้วยน้าา

ใกล้จะถึงวันเกิดเพื่อนทีไร หลายๆ คนต้องเตรียมซื้อขนมเค้กมาให้เพื่อนๆ แน่นอน แต่เค้กสำเร็จรูปก็จะเป็นเค้กแบบเดิมๆ ธรรมดาๆ ไม่พิเศษแน่นอน หากคุณได้ลงมือทำเอง เค้ก นั้นจะพิเศษ ไม่เหมือนกันแน่นอน  ใครอยากลองทำ 🎂 “เค้กวันเกิด” เซอร์ไพรส์คนพิเศษกันบ้าง? ซึ่งเค้กวันเกิดนั้นมีให้เลือกหลายแบบ วัตถุดิบเลือกเองได้ อยากใส่ หรืออยากลดส่วนผสมอะไรตรงไหนก็ตัดสินใจได้เอง วันนี้แอดมิน มีสูตร 🎂 ชีสเค้กหน้าไหม้ สามารถทำเองที่บ้านได้ง่ายๆ และวัตถุดิบก็สามารถหาได้ง่ายด้วย รับรองว่าคนพิเศษจะรู้สึกดีแน่นอน

เคล็ดลับ: สำคัญคือต้องใส่กระดาษไขเกินขอบของถาดอบขึ้นไปอย่างน้อย 5 ซม. หากเค้กฟูระหว่างที่อบ จะทำให้รับความฟูไม่ไหว

ส่วนผสม ชีสเค้กหน้าไหม้

  • ครีมชีส 200 กรัม
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • ไข่ไก่ 100 กรัม
  • วิปปิ้งครีม 115 มิลลิลิตร
  • แป้งข้าวโพด 5 กรัม

วิธีทำชีสเค้กหน้าไหม้

  1. เทน้ำตาลทรายป่นใส่ลงในครีมชีส ตีให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย จากนั้นใส่ไข่แดง 1 ฟอง คนให้ทุกอย่างเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน (แนะนำให้วางครีมชีสไว้ในอุณหภูมิห้องอย่างน้อย 20-30 นาที ก่อนใช้) พักไว้
  2. ตอกไข่ใส่ถ้วยและตีให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ ทยอยเติมลงส่วนผสมครีมชีส 3 รอบ เติมวิปปิ้งครีมลงไป คนให้เข้ากันดี ร่อนแป้งใส่ลงไป ตีให้เนียนไม่เป็นเม็ดแป้ง
  3. เทใส่พิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข สูตรวันนี้ใช้พิมพ์ทรงกลมขนาด 6 นิ้ว หรือ 1 ปอนด์ อบด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน 190 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-25 นาที ถ้าต้องการหน้าไหม้กว่านี้ปรับไฟไปที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส พักให้เย็นสนิทก่อนจะคลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร จากนั้นแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง
  4. นำออกจากตู้เย็น แกะกระดาษไขออก ตัดเป็นชิ้นเอาขนาดที่ต้องการ

มือใหม่ที่เริ่มทำเค้ก หรือเบเกอรี่ แนะนำให้เตรียม อุปกรณ์เบเกอรี่

https://www.sgethai.com/bakery-equipment พื้นฐานให้พร้อม หลายๆ คนอาจจะชอบใช้อุปกรณ์อื่นๆ แทน เช่น การอบขนม ต้องใช้เตาอบ เพื่อให้ได้อุณหภูมิที่กระจาย แต่บางท่านใช้เตาไมโครเวฟ ซึ่งทำให้ได้ขนมออกมาไม่สวย มีความกระด้าง ซึ่งจริงๆ แล้ว อุปกรณ์เบเกอรี่ เหล่านี้มีราคาที่ไม่แพงเลย ลงทุนครั้งเดียวใช้งานได้ยาวๆ ยิ่งถ้าเลือกร้านขาย อุปกรณ์เบเกอรี่ ดี อย่างที่ SGE ด้วยแล้วคุ้มแน่นอน เพราะที่นี้เน้นอุปกรณ์เบเกอรี่คุณภาพ และมีบริการหลังการขาย ถ้าจะซื้ออุปกรณ์เบเกอรี่แนะนำที่ SGE เลย

ไม่มี เครื่องซีลสูญญากาศ จะซีลถุงยังไงได้บ้างล่ะ

f:id:siamfood:20210917183808j:plain

วันนี้เราจะมาพูดเรื่อง การถนอมอาหาร ด้วยการ ซีลสูญญากาศ โดยการซีลสูญญากาศเป็นวิธีที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบัน โดยการซีลสูญญากาศนี้จะเป็นการไล่ออกซิเจนออกจากถุงที่ใส่อาหาร ช่วยป้องกันการเจริญเจริญโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสีย ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้จะใช้ออกซิเจนในการเจริฐเติบโต ตัวอย่างเช่น แบคทีเรีย เชื้อรา นอกจากนั้นแล้วยังช่วยลดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในอาหาร ลดการเกิดการเหม็นหืนและการเปลี่ยนสีของอาหาร ทำให้อาหารมีรสชาติคงเดิม สามารถเก็บไว้ได้นานกว่าเดิม 4-5 เท่า

ด้วยหลายๆ บ้านโดยเฉพาะเหล่าแม่บ้านที่นิยมซื้ออาหารมาทีละเยอะๆ มาเก็บไว้อาจจะประสบปัญหา อาหาร หรือวัตถุดิบเหลือในปริมาณที่เยอะ จะแช่ตู้เย็น หรือ แช่ช่องฟรีส อาหารหรือวัตถุดิบก็เสียรสชาติหรือไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะรสชาติ หรือคุณค่าทางอาหารจะเสียไปเยอะมาก การซีลสูญญากาศ ด้วยเครื่องซีลสูญญากาศ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดีมาก สำหรับวันนี้ใครที่ยังไม่อยากเสียเงินซื้อ เครื่องซีลสูญญากาศ เรามีวิธีซีลถุงกันโดยไม่ต้องใช้เครื่องซีล (แต่จริงๆ การใช้เครื่องซีลสูญญากาศดีกว่าเยอะมาก ราคาก็ไม่แพงด้วย) ก่อนจะไปเรียนรู้การซีลถุงโดยไม่ต้องใช้เครื่อง Vacuum sealer กัน เรามาดูข้อดีของเครื่องซีลสูญญากาศกันก่อน

ข้อดีของ เครื่องซีลสุญญากาศ

เครื่องซีลสุญญากาศ นั้นได้รับความนิยมกันมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะมันช่วยให้คุณประหยัดเงิน ประหยัดเวลาได้เยอะ ถือว่าเป็นเครื่องที่ช่วยให้คุณสะดวกสบายมากขึ้นดังนี้ค่ะ 

1. เก็บรักษาอาหารได้ยาวนานขึ้น

คุณยังคงสามารถซื้ออาหารในปริมาณเยอะ ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเน่าเสียอีกแล้ว แถมการซื้ออาหารในปริมาณมากยังช่วยเก็บเงินได้ดีกว่าซื้ออาหารแบบยิบย่อย

2. ช่วยประหยัดเงินและเวลา

คุณไม่ต้องเสียเวลาและเปลืองน้ำมันรถ ในการขับไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อหรือห้างร้านค้าบ่อย ๆ ทำให้คุณสามารถมีเวลาทำอย่างอื่นได้อย่างเต็มที่

3. คุณภาพของอาหารเหมือนเดิม

 

อาหารที่ใช้เครื่องซีลสุญญากาศนั้น จะให้รสชาติ รสสัมผัสและคุณค่าทางสารอาหารได้คงเดิม การใช้เครื่องซีลสุญญากาศสามารถเก็บอาหารได้นานถึง 5 เท่า มากกว่าอาหารที่ไม่ได้ใช้เครื่องซีลสุญญากาศ โดยเฉพาะยิ่งคุณใช้คู่กับตู้แช่แข็ง

1. วิธีซีลสูญญากาศถุงด้วย น้ำ 

 

f:id:siamfood:20210917183900j:plain

นำเนื้อสัตว์หรืออาหารใส่ถุงซิปล็อก รูดปิดปากถุงเหลือช่องไว้ให้อากาศออกเล็กน้อย ค่อย ๆ นำถุงจุ่มน้ำ แรงดันของน้ำจะช่วยไล่อากาศที่อยู่ในถุงออกทางปากถุงที่เปิดอยู่ จุ่มถุงซิปล็อกลงในน้ำให้เหลือปากถุงแค่ด้านที่เปิดอยู่ จากนั้นค่อย ๆ รูดปิดปากถุงให้สนิท แล้วนำถุงขึ้นมา

2.หลอดดูด

f:id:siamfood:20210917183912j:plain

นำเนื้อสัตว์หรืออาหารที่ต้องการจะเก็บใส่ถุงซิปล็อก ใช้มือรีดอากาศออกจากถุงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นรูดปิดปากถุงโดยให้เหลือช่องว่างไว้มุมใดมุมหนึ่งเพื่อเอาไว้ใส่หลอด ใช้หลอดดูดอากาศในถุงออกมา จนกระทั่งถุงซิปล็อกแนบกับอาหารข้างใน เมื่ออากาศออกหมดแล้วรูดปิดปากถุงให้แน่น

3.ไมโครเวฟ

f:id:siamfood:20210917183933j:plain

 
นำเนื้อสัตว์ ผัก หรืออาหารใส่ถุงซิปล็อก ใช้มือรีดถุงให้แบนเพื่อไล่อากาศออก จากนั้นนำเข้าไมโครเวฟโดยที่ไม่ต้องปิดปากถุง ให้ตั้งไฟแรงสูงประมาณ 30 วินาที เมื่อนำออกมาจากไมโครเวฟแล้วให้รีบรูดปิดปากถุงทันที
 
" การถนอมอาหาร คือ การเก็บรักษาอาหารให้ยาวนานขึ้น โดยคงสภาพรสชาติ กลิ่น สีและคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ทำให้อาหารนั้นเกิดการเสื่อมเสีย "
 
เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับวิธีการซีลถุงสุญญากาศที่เรานำมาฝาก จะเห็นว่าแต่ละวิธีสามารถทำได้เองง่าย ๆ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นแตกต่างจากเครื่องซีลสูญญากาศแน่นอนแนะนำให้ซื้อเครื่องซีลสูญญากาศใช้จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแน่นอน ราคาเริ่มต้นแค่หลักพัน แนะนำของ SGE มาลองใช้ได้เลย Vacuum Saler ทนมาก
 
Cr. tipsbulletin, yourvacuumsealer และ SeriousEats , best review.asia

การเก็บรักษาผัก ผลไม้ ให้สดใหม อยู่เสมอ

f:id:siamfood:20210916153217j:plain

วันนี้แอดมิน วิธีเก็บผัก ผลไม้ ให้คงความสด อยู่ได้ยาวนาน บ่อยครั้งที่เราไปตลาดหรือซุปเปอร์มาเก็ตแล้วมักหยิบจับผักผลไม้ลงใส่ตระกร้าเป็นจำนวนมาก ครั้นเมื่อพอถึงบ้านก็ยัดทุกสิ่งอย่างที่เลือกซื้อมาเข้าไปในตู้เย็น จนเกิดปัญหาตู้เย็นสูญเสียความเย็นและทำงานหนัก ส่งผลให้ผักและผลไม้อยู่ได้ไม่นาน ไม่สดเหมือนเดิมอีกต่อไป หรือชอบตุนเก็บไว้ในระยะยาว รับรองสด สะอาด ไม่เน่าเสียง่าย แถมช่วยยืดอายุและคุณค่าได้แน่นอน เพราะผัก-ผลไม้เป็นของกินที่เน่าเสียง่าย เก็บได้ไม่นานก็ต้องทิ้ง ทำให้ซื้อมาก็ต้องรีบกินให้หมด ฉะนั้นวันนี้ แอดมิน เลยขออาสารวบรวมวิธีเก็บผัก-ผลไม้ไว้ให้กินได้นานขึ้นมาฝาก โดยงานนี้มีครบทั้งวิธีเก็บผัก-ผลไม้ในตู้เย็น ตู้เก็บของ และเคาน์เตอร์ บอกเลยผัก-ผลไม้ lover ห้ามพลาดเด็ดขาด
 

1. หัวหอม

f:id:siamfood:20210916153231j:plain


หัวหอมใหญ่
วิธีเก็บหัวหอม หรือพืชในตระกูลหัวหอม เช่น หอมแดง หอมหัวใหญ่ และกระเทียม ไว้ให้นานที่สุด คือ ใส่ลงไปในถุงน่อง เพราะจะช่วยกรองอากาศให้เข้าถึงหัวหอมอย่างพอดี ไม่มากเกินไป จึงคงความสดใหม่ได้ยาวนาน หลังจากนั้นก็มัดปมที่ขั้วแยกแต่ละหัว เสร็จแล้วค่อยนำไปไว้ในที่ที่เย็น แห้ง และมืด โดยทางที่ดีควรใช้ถุงน่องคู่ใหม่ เพื่อช่วยให้ไม่มีกลิ่น นอกจากนี้ควรเก็บแยกจากผัก ผลไม้ หรืออาหารชนิดอื่น เนื่องจากกลิ่นหัวหอมค่อนข้างแรงมาก
 

2. แครอท

f:id:siamfood:20210916153243j:plain

แครอท
การเก็บรักษาแครอตไว้ให้นานที่สุด ขั้นตอนแรกให้ตัดก้านใบสีเขียวที่ติดมากับแครอตออก เนื่องจากใบสามารถดูดสารอาหารออกจากแครอตได้ จากนั้นแช่แครอตลงในกล่องที่มีน้ำ เพราะแครอตเป็นพืชที่ชอบความชื้น แล้วก็ห่อด้วยพลาสติกแรป และนำไปเก็บไว้ในตู้เย็น หรือถ้าหากใครไม่อยากแช่ไว้ในน้ำจะห่อด้วยพลาสติกกันกระแทก แล้วนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นแทนก็ได้เหมือนกัน
 

3. หน่อไม้ฝรั่ง

หน่อไม้ฝรั่ง

หน่อไม้ฝรั่ง
ถึงแม้ว่าหน่อไม้ฝรั่งจะเก็บไว้ได้ไม่นานเท่าไร แต่ถ้าหากเราห่อก้านด้วยทิชชูเปียก หรือแช่ก้านลงในถ้วยที่มีน้ำ คล้ายกับเวลาปักแจกัน พร้อมคลุมด้วยถุงพลาสติกด้านบน ก็จะช่วยถนอมและเก็บรักษาผักชนิดนี้ให้สดนานขึ้น
 

4. ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ผักกาดขาว
สำหรับการเก็บรักษาผักกาดหอม ให้ใส่ไว้ในถ้วยเปล่า คลุมด้วยกระดาษทิชชู จากนั้นห่อด้วยพลาสติกแรป เพราะกระดาษทิชชูจะช่วยดูดซับความชื้น ซึ่งทำให้ใบเปียกและเปลี่ยนสี ทว่าที่สำคัญต้องอย่าลืมเปลี่ยนกระดาษทิชชูบ่อย ๆ หรือถ้าหากใครคิดว่าไอเดียนี้ยุ่งยากเกินไป ก็สามารถใช้วิธีโรยเกลือลงบนใบเล็กน้อย รับรองว่าช่วยดูดความชื้นส่วนเกินออกมาได้เหมือนกันค่ะ
 

5. บรอกโคลีและกะหล่ำดอก

บรอกโคลีและกะหล่ำดอก

บล็อกโคลี
เพียงแค่เก็บบรอกโคลี่และกะหล่ำดอกไว้ในตู้เย็น โดยใส่ในกล่องแยกต่างหาก ไม่ปะปนกับผัก ผลไม้ หรืออาหารชนิดอื่น ก็ช่วยยืดอายุให้กับผักแสนอร่อยสองชนิดนี้ได้แล้ว
 

6.ผักสลัดและผักสมุนไพร

ผักสลัดและผักสมุนไพร
วิธีเก็บผักสลัดและผักสมุนไพรให้สดนานขึ้น ให้ใส่ไว้ในถุงที่มีอากาศเล็กน้อย พร้อมปิดซีลอย่างแน่นหนา หรือเด็ดใบที่เน่าแล้วออกไปก่อน ห่อด้วยกระดาษทิชชูอเนกประสงค์ แล้วใส่ไว้ในถุงซิปล็อกจึงค่อยนำไปแช่ตู้เย็น ก็ช่วยให้เก็บไว้ได้นานขึ้นเหมือนกัน 
 

7. ผักใบเขียว

f:id:siamfood:20210916153054j:plain


ผักโขม ผักใบเขียว
ผักใบเขียว เช่น ผักกาด ผักโขม และผักคะน้า จะเก็บไว้ได้นานขึ้น ถ้าหากล้างให้สะอาด แล้วเช็ดด้วยกระดาษทิชชูหรือผ้าเช็ดจาน ก่อนนำไปใส่กล่องหรือถุงพลาสติกและแช่เก็บไว้ในตู้เย็น ซึ่งนอกเหนือจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังทำให้ใช้งานสะดวกขึ้นอีกด้วย
 

8. มันฝรั่ง

f:id:siamfood:20210916153124j:plain

มันฝรั่ง
มันฝรั่งให้เก็บไว้กับแอปเปิล เพราะแอปเปิลผลิตก๊าซเอทิลีนที่สามารถทำให้มันฝรั่งคงอยู่ได้ยาวนานมากถึง 8 สัปดาห์ หรือ 2 เดือน แถมยังช่วยลดปัญหามันฝรั่งแตกหน่อหรือรากงอกได้อีกด้วย
 

9. มะเขือเทศ

f:id:siamfood:20210916153124j:plain

มะเขือเทศ
วิธีรักษามะเขือเทศให้อยู่ได้นานและรสชาติดีที่สุด ให้เก็บไว้นอกตู้เย็นแต่ต้องไกลจากแสงแดดและความร้อน อาจจะเป็นบนเคาน์เตอร์หรือชั้นวางของก็ได้ เนื่องจากมะเขือเทศไม่ชอบอากาศหนาว ถ้าหากฝืนนำไปแช่ไว้ จะทำให้เสียรสชาติได้ นอกจากนี้ถ้าเกิดมะเขือเทศถูกตัดก้านออกไปแล้ว ให้วางคว่ำเอาฝั่งหัวลงด้านล่าง เพราะว่าส่วนนี้เป็นจุดที่สุกช้าสุดนั่นเอง
 

10. อะโวคาโด

f:id:siamfood:20210916153142j:plain

อะโวคาโด
ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าอะโวคาโดที่ผ่าครึ่งแล้วสามารถเปลี่ยนสีได้ไวมาก เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้มีเอนไซม์ที่จะผลิตสีน้ำตาลเมื่อสัมผัสกับออกซิเจน ฉะนั้นถ้าหากใครอยากยืดอายุ จะนำไปแช่ในตู้เย็นเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องบีบน้ำมะนาวใส่ก่อน เพื่อช่วยให้กรดซิตริกเข้าไปป้องกันการเปลี่ยนสี หรือไม่เช่นนั้นอาจจะใช้หัวหอมช่วยก็ได้ เพราะผักชนิดนี้มีก๊าซที่ช่วยยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในอะโวคาโด จึงส่งผลให้เก็บไว้กินได้นานขึ้น
 

11. ข้าวโพด

ข้าวโพด

ข้าวโพด
การเก็บข้าวโพดที่ดีที่สุด คือ แช่ไว้ในตู้เย็นโดยไม่ต้องเลาะแกลบหรือแกะเปลือกออกใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนข้าวโพดที่เลาะแกลบหรือเปลือกออกแล้ว ให้นำไปต้มประมาณ 10 นาที แล้วนำออกมาแช่น้ำเย็นประมาณ 30 วินาที แล้วตั้งพักไว้ก่อน รอจนกระทั่งไม่มีน้ำหลงเหลืออยู่ จากนั้นก็ใส่ถุงหรือกล่องแล้วนำเข้าช่องฟรีซได้เลย แต่สำหรับใครที่อยากแกะข้าวโพดเป็นเมล็ดให้ใช้งานง่าย ให้ใช้วิธีต้มข้าวโพดประมาณ 2 นาที จากนั้นนำมาแช่น้ำเย็น และตากไว้จนน้ำระเหยออกหมด เสร็จแล้วก็แกะเมล็ดได้ตามใจชอบ แล้วนำเข้าช่องฟรีซได้ตามปกติเลย
 

12. ส้ม

ส้ม

ส้ม
ปกติแล้วผลไม้ตระกูลส้มอย่าง ส้ม ส้มโอ มะนาว สามารถเก็บได้นานเป็นสัปดาห์ เพียงแค่วางไว้ในที่เย็นและห่างจากแสงแดด แต่ถ้าหากใครอยากยืดอายุให้สดใหม่ยาวนานขึ้นอีกละก็ ขอแนะนำให้แยกเก็บไว้ในกล่องใส่ผลไม้ในตู้เย็น หรือใส่ไว้ในถุงตาข่ายหรือถุงพลาสติกที่มีรูพรุน แล้วนำไปแช่ตู้เย็นแทนค่ะ
 

13. กล้วย

f:id:siamfood:20210916153157j:plain

กล้วย
วิธีเก็บกล้วยให้อยู่ได้นาน ๆ กินได้ยาว ๆ ขั้นตอนแรกเริ่มด้วยการเด็ดกล้วยแต่ละลูกออกจากหวี จากนั้นหุ้มขั้วกล้วยด้วยพลาสติกแรป เท่านี้ก็จะช่วยหยุดการแพร่กระจายก๊าซเอทิลีน ตัวการสำคัญที่ทำให้กล้วยเน่าเสียได้แล้ว ทว่าถ้าหากพบว่ากล้วยสุกเกินไป ให้ปอกเปลือกและเก็บไว้ในช่องฟรีซ เพื่อนำมาทำเครื่องดื่มสมูทตี้แทนได้
 

14. เลมอน

เลมอน

เลมอน
เพื่อให้ใช้เลมอนหรือมะนาวได้อย่างคุ้มค่าและยาวนาน ให้เราเจาะมะนาวด้วยส้อมหรือไม้แหลมแทนหั่นครึ่ง แค่นี้ก็จะช่วยให้เราบีบน้ำเลมอนหรือมะนาวได้ตามต้องการ โดยไม่ทำให้แห้งหมดทั้งลูก และเก็บไว้ใช้ภายหลังได้แล้ว
 

สำหรับใครที่ต้องการเก็บรักษาความสดใหม่ของอาหารแนะนำให้ซื้อ ถุงเก็บความเย็น เก็บรักษาอาหาร เนื่องจาก ถุงเก็บความเย็น จะช่วยรักษาความสดยิ่งขึ้น  ไม่ใช่แค่รักษาความเย็นเท่านั้น แต่ของร้อนก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ยิ่งมีการเคลื่อนย้าย หรือทำธุรกิจส่งของ Delivery จะช่วยให้รักษาความสดของอาหาร และช่วยกันกระแทกของสินค้าจนมือลูกค้าแบบสมบูรณ์แบบ 

Cr. reviewyourliving.com

สูตร ขนมครก ขนมไทย เมนูสร้างตัว

f:id:siamfood:20210916134204j:plain

ใครชอบกินขนมครก เชิญมาทางนี้เลยจร้า! วันนี้แอดมินจะมาแชร์ วิธีทำ ขนมครก สูตรโบราณ เมนูสร้างรายได้เสริม ขนมครก สูตรแอดมิน กรอบนอกนุ่มใน หอมมันหวานอร่อย  ขนมครก เมนูหากินง่ายแต่หาอร่อยยากมากกก วันนี้เราเลยมาเอาใจคนชอบกินขนมครก หรือใครที่อยากหารายได้เสริมเพื่อทำขาย บอกเลยสูตรนี้ถูกใจลูกค้าแน่นอน เพราะแป้งกรอบ เนื้อกะทิหอมมันไม่เหมือนใคร พร้อมด้วยเทคนิคการทำแบบละเอียดยิบ รับรองได้เลยว่าเปิดร้านขายลูกค้าเพียบแน่นอน หรือแม่บ้านคนไหนอยากทำกินเองที่บ้านก็ทำได้ไม่ยาก ตามมาดูสูตรไปพร้อมกันเลย!


วันนี้แอดมันจะพาไป อร่อยฟิน พร้อมกันกับหลากเมนูขนมครก สูตรขนมไทยเนื้อนุ่มกลิ่นหอม อยากจะแคะจากเตาขนมครกแบบไทย ๆ หรืออยากทอดในกระทะก็ได้นะ ถ้าทำไปกินไปรับรองฟิน

ส่วนผสม ส่วนที่ 1 ตัวขนมครก

  • กะทิ 1 ถ้วย
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
  • น้ำอุ่น 1 ถ้วย
  • น้ำปูนใส 3 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวสุก 1/4 ถ้วย
  • กะทิ 1/4 ถ้วย (สำหรับใส่เครื่องปั่น)
  • น้ำตาลทราย 4 ช้อนชา
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม ส่วนที่ 2 หน้าขนมครก

  • กะทิ 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ

หน้าขนม

  • ข้าวโพด
  • ต้นหอมซอย
  • ฟักทอง

f:id:siamfood:20210916134538j:plain

วิธีทำ

  1. ทำส่วนผสมของตัวขนมครกก่อน ผสมกะทิ แป้งข้าวเจ้า น้ำอุ่น และน้ำปูนใสในชามผสม คนให้เข้ากัน
  2. นำข้าวสุกไปปั่นในเครื่องปั่นโดยใส่น้ำกะทิ 1/4 ลงไป ตามด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ปั่นให้ข้าวละเอียด เทส่วนผสมนี้ลงชามกะทิของข้อที่ 1
  3. ทำหน้าขนมครกแยกไว้อีกหนึ่งชามโดยใส่กะทิ น้ำตาลทราย เกลือและแป้งข้าวเจ้า คนให้เข้ากัน
  4. เตรียมกระทะหลุมสำหรับทำขนมครก ทาน้ำมันพืชให้ทั่วกระทะ เทกะทิที่เป็นตัวขนมลงไปก่อน เทให้เกือบถึงขอบหลุม
  5. ทิ้งไว้สักพักรอให้ตัวขนมสุกดี แล้วเทกะทิส่วนของหน้าขนมตามลงไป โรยด้วยหน้าต่างๆ ที่เตรียมไว้ เช่น ข้าวโพด ต้นหอม และฟักทอง
  6. เมื่อเริ่มเห็นว่าหน้าขนมเริ่มสุก ใช้ช้อนตักขึ้นมาพักไว้รอเสิร์ฟได้เลยค่ะ

ถ้าจะทำ ขนมครกให้อร่อย ควรใช้ เตาขนมครก ที่ทำด้วยเหล็กหล่อไม่เป็นสนิม ร้อนเร็ว มีฝาปิดเตา ที่กระจายความร้อนได้ดีทำให้ขนมครกสุกอย่างทั่วถึง สุกพร้อมๆ กัน ที่ขาดไม่ได้คือ เตาขนมครก ระบบแก๊สและวาวล์แก๊ส ต้องทำด้วยวัสดุอย่างดี เช่นใช้ วัสดุหัวทองแดง พร้อมทั้งหัวปรับแรงดันต่ำได้ดี ทำให้ช่วยประหยัดค่าแก๊สด้วย 

 

ของหวานเย็นๆ ทำง่ายๆ ฝึกทำช่วงโควิด หารายได้เสริม

f:id:siamfood:20210915155625j:plain

ขึ้นชื่อว่าเมนู ของหวานเย็นๆ หรือ ขนมคลายร้อน ที่จะช่วยดับร้อนของร่างกายเราได้ หากคุณมีวันหยุดถ้ามีเวลาว่างอยากหา กินอะไร เย็นๆ หรือ เมนูคลายร้อน ง่ายๆ ทำกินกันภายในครอบครัว และทำง่ายๆ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย

 

วันนี้เรามีเมนูคลายร้อน ทำทานได้ง่ายๆ ในครอบครัว รับรองว่าแฮปปี้กันทั้งบ้าน อร่อยทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ฟินได้ทุกวัยเลยล่ะค่ะ ว่าแล้วก็ตามไปจิ้มสูตรที่ถูกใจ แล้วทำไปพร้อมๆ กัน เมนูของวานเย็นๆ ได้แก่ วุ้นผลไม้ วุ้นแตงโม บิงซูเมล่อน ลอดช่องน้ำกะทิ วุ้นกะทิ เฉาก๊วย สูตรเหนียวหนึบ ไอศกรีมกะทิ เลือกสูตรขนมที่ชอบแล้วลองทำตามได้เลยน้า

บิงซูเมล่อน ทำง่ายไม่กี่ขั้นตอน

f:id:siamfood:20210915155644j:plain

วัตถุดิบ
นมสดรสจืด 2 ถ้วยตวง ,น้ำเย็น 1 ถ้วย , ผงวานิลลา 30 กรัม ,น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย , แคนตาลูป เมลอน แตงโมสีแดง , นมข้นหวาน , ข้าวพอง ,ถั่วอัลมอนด์ คอร์นเฟล็ก หรือท็อปปิ้งอื่น ๆ ตามชอบ , ไอศกรีมวานิลลา หรือไอศกรีมอื่น ๆ ตามชอบ

 

วิธีทำ

  1. นำนมสดรสจืด ผสมน้ำเชื่อม ผงวานิลลา ตีให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเทใส่บล็อกน้ำแข็ง แล้วแช่ช่องฟรีซ
  2. จากนั้นใช้ที่คว้าน คว้านลงไปที่ผลไม้ แคนตาลูป เมลอน แตงโมสีแดง โดยคว้านให้สวยงาม เป็นก่อนกลมๆ แช่ฟรีซไว้ให้เย็น
  3.   จากนั้นนำนมที่แช่ตู้เย็นจนแข็งมาปั่นให้ละเอียด
  4. เทนมที่ปั่นละเอียดลงในเมล่อนที่คว้านเนื้อออกแล้ว จัดให้สวยงาม (ขั้นตอนนี้ควรรีบทำเนื่องจากน้ำแข็งอาจจะละลายได้) นำเนื้อผลไม้มาวางเรียงให้สวยงาม ราดด้วยนมข้นหวาน โรยหน้าด้วยท๊อปปิ้งตามชอบ

วุ้นผลไม้ วุ้นแตงโม

วัตถุดิบ
แตงโม ½ ลูก,แคนตาลูปหั่นเต๋า ½ ถ้วยตวง,เมลอนหั่นเต๋า 1 ถ้วยตวง , ,แอปเปิ้ล 1 ลูก , เจลาตินผง 3 ช้อนโต๊ะ , องุ่นไร้เมล็ด ½ ถ้วยตวง,สตรอว์เบอร์รีหั่น ½ ถ้วยตวง, น้ำเย็นจัด 1 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

 

วิธีทำ

  1. ใส่ผงเจลาตินใส่น้ำเย็นจัด คนให้วุ้นละลาย แล้วพักไว้
  2. คว้านเนื้อแตงโมออกมาให้หมด เอาแต่เนื้อ
  3. ตั้งหม้อใส่ผงวุ้นที่ละลายไว้ ใส่น้ำตาลทรายคนให้น้ำตาลละลาย พักไว้จนอุ่น แล้วนำกระชอนกรองพวกเศษๆ ออก
  4. เตรียมผลไม้หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วใส่ผลไม้ทั้งหมดลงไปเปลือกแตงโมที่คว้านเอาเนื้อออก
  5. จากนั้นนำน้ำเจลาตินราดไปในเปลือกให้เต็ม นำไปแช่เย็นจนวุ้นเซ็ตตัว นำออกมาจากตู้เย็นผ่าครึ่งซีกพร้อมเสิร์ฟ

ลอดช่องน้ำกะทิ ของหวานเย็นๆ คู่คนไทย

วัตถุดิบ
แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม , แป้งมัน 30 กรัม , ใบเตย 20 ใบ , น้ำปูนใส 800 กรัม , น้ำเย็นจัด (สำหรับพักเส้น)

วัตถุดิบทำน้ำกะทิราด
น้ำตาลมะพร้าว 200 กรัม ,หัวกะทิ 500 มิลลิลิตร , เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. นำใบเตย น้ำปูนใส ใส่ในเครื่องปั่น นำไปปั่นให้ละเอียด
  2. เมื่อปั่นเสร็จให้นำมากรองด้วยกระช้อนตาถี่ หรือผ้าขาวบาง หลังจากได้น้ำแล้วให้ตักฟองออก
  3. ใส่แป้งข้าวเจ้า คนส่วนผสมให้เข้ากัน กรองด้วยกระช้อนอีก 1 รอบ
  4. ตั้งไฟกลาง เคี่ยวน้ำลอดช่อง เคี่ยวจนแป้งจับตัวจนข้น
  5. นำน้ำลอดช่องที่เคียวจนข้นเหนียวได้ที่ เทใส่หม้อที่มีรู ข้างล่างให้เทน้ำสะอาดไว้เพื่อรองลอดช่องที่จะออกมา จะได้ลอดช่องที่เป็นเส้น
  6. ทำน้ำกะทิราด ใส่น้ำกะทิลงในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลมะพร้าว จากนั้นตั้งไฟแล้วเคี่ยวจนน้ำตาลละลาย
  7. นำลอดช่องใส่น้ำน้ำแข็งตามชอบ ราดด้วยน้ำกะทิพร้อมเสิร์ฟ

เต้าฮวยมะพร้าวอ่อน

 

ส่วนผสม เต้าฮวย
น้ำมะพร้าว 500 มิลลิลิตร (ประมาณ 2 ลูก) น้ำเปล่า 450 มิลลิลิตร ผงวุ้น 1+1/4 ช้อนชา น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม ริชส์นอนแดรี่ครีมเมอร์ 200 กรัม เนื้อมะพร้าวอ่อน 2 ลูก

ส่วนผสม น้ำราดเต้าฮวย
น้ำมะพร้าว 500 มิลลิลิตร (ประมาณ 2 ลูก) 
น้ำเปล่า 450 มิลลิลิตร น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม 
ริชส์นอนแดรี่ครีมเมอร์ 200 กรัม 
เนื้อมะพร้าวอ่อน 2 ลูก 
ถ้วยใส่เต้าฮวยขนาด 6 ออนซ์
Cr. แม่ซี น้องมดดี้ channel

แตงไทย ใส่น้ำกะทิเย็นๆ

หากพูดถึงของหวานเย็นๆ ของไทย คงไม่มีใครไม่นึกถึง แตงไทยน้ำกะทิ เป็นอีกหนึ่งของหวานที่นำแตงไทมาสร้างสรรค์เป็นเมนูของหวานได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยรสชาติหอมหวาน และยังมีประโยชน์อีกด้วย เนื่องจากแตงไทเป็นผลไม้ฤทธิเย็น ช่วยเรื่องร้อนใน มีวิตามินเอสูงอีกด้วย สูตรนี้ได้มาจาก คุณ chloechh สมาชิกเว็บไซต์ Pantip

วัตถุดิบ
หัวกะทิ 650 ml.,น้ำตาลมะพร้าว แล้วแต่ความชอบค่ะ (แนะนำให้ทำหวานๆไว้ค่ะ)
แตงไทย ยิ่งแก่ยิ่งดีค่ะ,เกลือเล็กน้อย

วิธีทำ

  1. ตั้งหม้อ ใส่น้ำกะทิ ใส่น้ำตาลมะพร้าว เหลือ โดยใช้ไฟอ่อนๆ เคี่ยวแค่พอให้น้ำตาลละลาย อย่าให้กะทิแตกมัน เดี๋ยวจะไม่อร่อย
  2. หั่นแตงไทเป็นชิ้นๆ พอดีคำ เทใส่น้ำกะทิ แล้วนำไปแช่เย็น ให้เย็นจัด นำออกมาใส่น้ำแข็ง เท่านี้ก็จะได้แตงไทที่เย็นชื่นใจแล้วครับ

วุ้นกะทิ หวานเย็น

เมนูวุ้นกะทิ อีกหนึ่งเมนู ขนมหวานเย็นๆ สุดฮิต เป็นขนมหวานคลายร้อนได้อีกด้วย เอาไปแช่ฟรีซแล้วนำออกมาทานเย็นรับรองความร้อนของคุณจะหายเป็นปลิดทิ้ง สูตรจาก คุณ isweet สมาชิกเว็บไซต์ Pantip.com เป็นสูตรที่หอม และเนื้อวุ้นเด้งสู้ลิ้นเป็ยอย่างมาก

วัตถุดิบ
ผงวุ้น 1+1/2 ช้อนโต๊ะ , น้ำมะพร้าวหรือน้ำเปล่า 2+1/2 ถ้วย (ถ้าเป็นน้ำลอยดอกมะลิ จะหอมมากกว่านี้ หรือกลิ่นมะลิก็ได้) , ใบเตยหั่นเป็นท่อน 2-3 ใบ , น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วยพูน ๆ (ชิมรสดูตามชอบนะคะ พอดีอ้อไม่ชอบหวานจัดค่ะ) , เนื้อมะพร้าวน้ำหอมอ่อน ๆ 1 ลูก หั่นเต๋า จะได้ประมาณ 1/2 ถ้วย (ใส่มากกว่านี้ได้นะ พอดีอ้อจำกัดแค่ลูกเดียวได้แค่นี้) , หัวกะทิ 2+1/2 ถ้วย , เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
  1. ละลายผงวุ้นกับน้ำ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่ใบเตยหั่นท่อนลงไป ต้มพอเดือด คนผสมจนส่วนผสมวุ้นเริ่มเหนียว
  2. ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย ตามด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน
  3. พอเดือดค่อย ๆ เทหัวกะทิลงไป คนเบา ๆ อย่าให้กะทิแตกมัน ใส่เกลือป่นเพื่อตัดรสนิดหน่อย
  4. พอเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ (เอาใบเตยออก) นำไปใส่พิมพ์ (อ้อไม่มีอะไรเลย จึงใส่แก้วและกล่องพาสติกทนความร้อนแทน) จากนั้นนำไปแช่เย็นให้วุ้นเซตตัว นำออกมากินเย็น ๆ มันชื่นใจมาก

ไอศกรีมกะทิ สูตรทำง่ายๆ

f:id:siamfood:20210915155740j:plain

“ ไอศกรีมกะทิ สูตรโบราณ” เมนู ของหวานเย็นๆ สูตรนี้จะเน้นที่ใช้วัตถุดิบน้อย ทำกินกันในครอบครัวง่ายๆ ไอติมสูตรนี้มี เนื้อสัมผัสที่เข้าข้น หวานมัน กลิ่นกะทิโชยมาแต่ไกล ต้องลองทำกันเลยจร้า

วัตถุดิบ
กะทิอร่อยดี 500 มล. , น้ำตาลทราย 100 กรัม , เกลือ 1/2 ช้อนชา , แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ. , กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา ,ถั่วลิสงคั่ว , เครื่องเคียงตามชอบ >>> ถั่วแดง,ลูกเดือย,ลูกชิด,ข้าวโพด

วิธีทำ

  1. นำแป้งข้าวโพดมาละลายผสมกับกะทิบางส่วน ใช้ตะกร้อตี หรือ เครื่องตีแป้ง ตีจนแป้งข้าวโพดละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
  2. ตั้งหม้อใช้ไฟกลาง ใส่กะทิ เกลือ น้ำตาลทราย กลิ่นวนิลา เคียวด้วยไฟกลางจนส่วนผสมทั้งหมดเริ่มหนืดตัว
  3. ปรับเป็นใช้ไฟอ่อน ใส่แป้งข้าวโพดที่ได้ละลายไว้แล้วในข้อ1คนจนส่วนผสมทั้งหมดเริ่มเดือดเล็กน้อย
  4. ปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น
  5. เทใส่กล่องหรือภาชนะอื่น ปิดฝา นำไปแช่เย็น ประมาณฟรีซ 3-4 ชั่วโมง
  6. *** ขั้นตอนนี้ หากต้องการทำ ไอศกรีมกะทิ ไข่แข็ง ให้ใช้ไข่เป็ด 2 ฟอง และแยกเอาแต่ไข่แดง เทลงบนตัวไอศกรีม พร้อมคนให้ส่วนผสมเข้ากัน
  7. นำออกจากช่องฟรีซ และนำมาให้ ไอศกรีมกะทิ เนียนละเอียด นำออกมาใส่กล่องแช่ฟรีซไว้ 1 คืน
  8. ตักเครื่องเคียงพร้อมเสิร์ฟคู่กับ ไอติมกะทิสด โรยด้วยถั่วลิสงคั่ว และนมข้นจืดคาร์เนชั่น

www.sgethai.com

หากคุณทำเมนูคลายร้อน หรือ เมนูของหวานเย็นๆ เช่น บิงซู คากิโกริ เป้าปิง เราแนะนำให้ซื้อ เครื่องทำบิงซู ของ SGE ติดบ้านไว้ รับรองว่าเมนูน้ำแข็งใสเกล็ดหิมะ หวานๆ เย็นๆ ของคุณจะออกมาพิเศษอย่างแน่นอน ด้วยผิวของน้ำแข็งที่ปั่นออกมา ละเอียด รับรองว่า ละมุนปากแน่นอน รับรองว่า เครื่องทำบิงซู จะช่วยเพิ่มอรรถรสในเมนูของคุณให้อร่อยยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

 

เมนู ไส้กรอกอีกสาน ทำง่าย ขายได้กำไรเน้นๆ

f:id:siamfood:20210915125806j:plain

ไส้กรอกอีสาน เป็นการถนอมอาหารแบบอีสานประเภทหนึ่ง แต่เดิมใช้เนื้อที่เหลือจากการล้มวัวและมีคุณภาพต่ำกว่าเนื้อที่ใช้ทำหม่ำ นำมาผสมกับข้าวเหนียว กระเทียมและเกลือ ยัดใส่ลงในไส้ที่ทำความสะอาดแล้ว หมักไว้ 3-4 วันจนมีรสเปรี้ยว จนมีการปรับปรุงสูตรให้มีความอร่อยมากยิ่งขึ้น ไส้กรอกอีสานนั้น คือ ผลิตภัณฑ์ที่ทํามาจาก เนื้อหมู มันหมู ข้าวสุก ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรส เครื่องเทศ และสมุนไพร เช่น นํ้าตาลทราย เกลือ กระเทียมบด พริกไทย ลูกผักชี ผสมให้เข้ากัน นวดจน เหนียว บรรจุในไส้หมู หรือไส้ชนิดอื่นที่บริโภคได้ มัด เป็นท่อน ผึ่งไว้ในที่สะอาด และแห้งจนเปรี้ยว และต้อง ทําให้สุกก่อนรับประทานนั่นเอง 

ดูสูตรเพิ่ม : ไส้กรอกอีสาน By เครื่องทำไส้กรอก SGE

วันนี้ Admin ก็เลยจัดแจงหาวิธีทำไส้กรอกอีสานมาฝาก เป็นสูตรดี ๆ มาจาก คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์ pantip.com ทำง่าย ๆ แต่อร่อยไม่แพ้ใคร ถึงแม้คุณจะอยู่เมืองนอกเมืองนาก็สามารถทำได้นะคุณ

สวัสดีค่ะ วันนี้ตาชวนมาทำไส้กรอกอีสาน เปรี้ยวนิด ๆ ย่างออกจากเตาร้อน ๆ กินกับผักสด ขิงสด พริกขี้หนู อร่อยเพลินเลยค่ะ หายคิดถึงเมืองไทยได้เหมือนกัน เครื่องปรุงก็ง่าย ๆ แต่เสียเวลาในการยัดไส้เท่านั้น แต่ผลที่ออกมาอร่อยคุ้มค่าค่ะ

ส่วนผสม ไส้กรอกอีสาน

f:id:siamfood:20210915125832j:plain

  • หมูและมันหมู 1 กก.
  • ข้าวสุก 2 ถ้วย (พักไว้จนเย็น)
  • ไส้หมูสำหรับยัดไส้ 100 กรัม
  • รากผักชี 3 ราก
  • กระเทียม 20 กลีบ
  • พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำไส้กรอกอีสาน

วิธีทำไส้กรอกอีสาน
  • นำพริกไทยดำและพริกไทยขาวใส่ลงในครก วันนี้ขอใส่สองอย่างเลย ถ้ามีอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้นะคะ
  • กระเทียมสด ตาใช้ 2 หัวใหญ่ น่าจะประมาณ 20 กลีบค่ะ
  • ใส่รากผักชี (ถ้ามี) แต่ตาอยู่อเมริกา ไม่มีรากใช้ก้านแทนนะคะ หอมเหมือนกันค่ะ ตำ 3 เกลอให้แหลก
  • เนื้อหมู เลือกแบบติดมันหน่อยนะคะ วันนี้ขอใช้เครื่องบดเลยแล้วกัน
นำหมูที่บดแล้วมาผสมกับกระเทียม พริกไทย และรากผักชีที่ตำไว้
  • นำหมูที่บดแล้วมาผสมกับกระเทียม พริกไทย และรากผักชีที่ตำไว้
  • ปรุงรสด้วยเกลือ ผงปรุงรส และน้ำตาลทราย
ผสมให้เข้ากัน นวดไปสักประมาณ 5 นาที ส่วนผสมจะเริ่มเหนียวนิด
  • ผสมให้เข้ากัน นวดไปสักประมาณ 5 นาที ส่วนผสมจะเริ่มเหนียวนิด ๆ
  • ใส่ข้าวหุงสุกลงไปค่ะ รอให้ข้าวเย็นก่อนนะคะ
  • เสร็จแล้วผสมข้าวกับหมูให้เข้ากัน นวดอีกนิดหน่อย นำส่วนผสมไปใส่ไมโครเวฟสักครู่ ชิมรสดูก่อนที่จะยัดเข้าไส้นะคะ

f:id:siamfood:20210915130047j:plain

  • วันนี้ขอย่นระยะเวลาในการยัดด้วยการใช้เครื่องยัดไส้เลย จะสะดวกกว่า ถ้าใครไม่มีใช้ขวดน้ำเปล่า ตัดตัวขวดให้เหลือแค่ตรงปากขวด  แล้วเอาไส้มาทำการยัดมือได้นะคะ เคยทำแล้วแต่มันใช้เวลานาน คราวนี้ใช้เครื่องเร็วกว่า แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ
  • ยัดส่วนผสมให้พอหลวม ๆ ไม่ต้องแน่นนะคะ เดี๋ยวจะแตกเสียก่อน
  • คราวนี้เราก็มาทำเป็นข้อกัน โดยจะใช้เชือกผูกก็ได้ เลือกขนาดใหญ่-เล็กตามชอบนะคะ ตาจะไม่ใช้เชือกและไม่ทำแบบยาวมาก ทำเป็นข้อเล็ก ๆ พอคำ เพราะว่าทำทานเอง ชอบแบบเล็ก ๆ ค่ะ
  • จากนั้นก็บีบไส้ให้เป็นข้อแล้วก็บิด ๆ หมุน ๆ ตัวไส้ก็จะอยู่นะคะ ไม่คลายออก ก็จะเป็นข้อ ๆ อย่างในภาพ
ทำเสร็จแล้วก็นำมาผึ่งลมอย่างน้อย 1 วัน ถ้าอยากให้เปรี้ยวก็หลายวันหน่อยก็ได้ค่ะ
  • ทำเสร็จแล้วก็นำมาผึ่งลมอย่างน้อย 1 วัน ถ้าอยากให้เปรี้ยวก็หลายวันหน่อยก็ได้ค่ะ
  • ในรูปหลังจากผ่านการตากไปแล้ว 1 วัน รอไม่ไหวอยากกินแล้วเลยเอาแค่วันเดียว ก็แห้งแบบที่เห็นค่ะ
  • นำมาย่างไฟอ่อน ๆ คอยพริกกลับด้านจะได้สุกเท่ากันตอนย่างหอมมาก
คอยเอาไม้แหลมจิ้ม
  • ระหว่างย่างจะเป็นว่า ตัวไส้กรอกจะพองและตึงมาก คอยเอาไม้แหลมจิ้มให้อากาศออกและทำให้สุกง่ายไม่แตกด้วย
วิธีทำไส้กรอกอีสาน
  • ย่างสุกทั่วกันแล้วค่ะ น่ากินเนอะ
  • นำขึ้นมาจากเตาก็เอากรรไกรตัด จัดใส่จานเสิร์ฟ ได้แล้วค่ะ

f:id:siamfood:20210915130118j:plain

  • มากินด้วยกันค่ะ เยอะเลย นี่แค่ส่วนครึ่งเดียวนะคะ อีกครึ่งตาเก็บแช่ช่องแข็งไว้ คราวหน้าก็เอาออกมา วางไว้ที่อุณหภูมิห้องแล้วก็ย่างกินได้เลยค่ะ ทำไม่ยุ่งยากเลย อร่อยด้วยค่ะ

สำหรับใครที่ต้องการทำ ไส้กรอกอีสานขาย แบบจริงจัง ADMIN ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ทำไส้กรอก ยัดไส้กรอก ได้รวดเร็ว ด้วย เครื่องยัดไส้กรอก เครื่องทำไส้กรอก คุณภาพสูง ดูเครื่องทำไส้กรอก https://www.sgethai.com/sausage-maker/ เครื่องทำไส้กรอก เครื่องยัดไส้กรอก เริ่มต้นที่ 5000 กว่าๆ เท่านั้นเอง พร้อม วัสดุสแตนเลส Food grade ปลอดภัยต่ออาหาร

 

Cr.ข้อมูลและภาพประกอบจาก

คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์ Pantip.com

วิธีทำกะหล่ำปลีผัดไข่ เมนูความหวังช่วงสิ้นเดือน

f:id:siamfood:20210914171542j:plain

หลายคนอาจเบื่อกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา หรือกะหล่ำปลียัดไส้ เมนูอาหารที่คุ้นเคยแล้วเนอะ ลองจับมามิกซ์กับเมนูไข่กันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำกะหล่ำปลีผัดไข่ สูตรจาก คุณพันวสา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แค่เพิ่มไข่ไก่ผัดกับหมู กินกับข้าวร้อน ๆ แค่นี้ก็ฟินแล้วค่ะ

เด็กห้อง เด็กหอ มนุษย์คอนโด มาทางนี้ ใครที่กำลังมองหาสูตรอาหารง่าย ๆ ใกล้สิ้นเดือน กะหล่ำปลีน้ำปลาไข่ข้นหอม เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เวลาไปนั่งทานที่ร้านอาหาร จะพบว่าราคาค่อนข้างสูงทั้งๆ ที่มีวัตถุดิบพียงน้อยนิด แต่ด้วยรสชาติที่อร่อยถูกปากทานได้ทั้งครอบครัว รับประทานกับข้าวสวยก็อร่อย เราจึงอดใจไม่ได้ที่จะสั่งมาทุกที แต่พอมาลองทำเองที่บ้านก็จะพบว่าทำยังไงก็ไม่อร่อยเหมือนที่ร้าน เพราะบางทีผักก็เหี่ยวบ้าง กลิ่นไม่หอมบ้าง กระเทียมไหม้ไปบ้างก็มี วันนี้เราจึงมีสูตรการทำกะหล่ำปลีน้ำปลาไข่ข้นหอมพร้อมเคล็ดลับความอร่อยมาฝาก ลองไปดูกันว่าจะออกมาชวนหิวขนาดไหน

ส่วนผสม กะหล่ำปลีผัดไข่

  • กะหล่ำปลี 1 หัว
  • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
  • กระเทียมสับ
  • หมูบด หรือหมูชิ้น
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • เกลือป่น
  • น้ำตาลทราย

วิธีทำกะหล่ำปลีผัดไข่

  1. หั่นกะหล่ำปลีเป็นชิ้น ๆ แล้วนำไปล้างให้สะอาด
  2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป รอให้ร้อนจึงใส่กระเทียมลงไปผัดให้สีเกือบเหลือง
  3. ใส่เนื้อหมูลงไปผัดให้สุก
  4. ใส่กะหล่ำปลีลงไปผัด ใส่เกลือป่นและน้ำตาลทรายลงไปผัด ชิมรสตามชอบ
  5. เขี่ยผักที่ผัดไว้ข้าง ๆ กระทะ ใส่ไข่ไก่ลงไปตีพอแตก พอไข่จะสุกเอาผักลงไปกลบแล้วผัดให้เข้ากัน
  6. ปิดเตา ตักใส่จาน (แต่ที่บ้านเราจะชอบโรยพริกไทยป่นเล็กน้อยค่ะ จะช่วยไม่ให้ท้องอืด แม่สอนไว้)
  7.  แค่กะหล่ำปลีทอดน้ำปลาก็ว่าอร่อยแล้ว แต่เจอกะหล่ำปลีผัดไข่ อาหารง่าย ๆ ที่เพิ่มออปชั่นใส่หมูเข้าไปอีกยิ่งทำให้เจริญอาหาร ลองทำสักมื้อกันเถอะ

เลือกซื้อ หม้อทอด ดีๆ ซักหม้อ เพื่อให้การทำอาหารของทอดของคุณง่าย และอร่อยขึ้น หากเป็นธุรกิจหม้อทอดดีๆ ก็จะช่วยถนอมน้ำมันของคุณให้ใช้ได้ยาวนานยิ่งขึ้น ทำให้คุณประหยัดน้ำมันในการทอดไปได้มากโข แนะนำหม้อทอด SGE ที่ราคาถูกแต่คุณภาพดีมาก (แอดมินซื้อหม้อทอดไฟฟ้า SGE มาใช้ได้ 2 ปีแล้วปัจจุบันยังใช้ได้ดีอยู่ ไม่มีอาการอะไรเลย)

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณพันวสา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม